Sunday, February 26, 2012

8. น้ำฝึกวิชาบนสวรรค์


      “น้ำต้องไปฝึกโยคะด้วยตัวเองกับเบื้องบนนะ”

      เป็นคำตอบของครูเพ็ญ จากความสงสัยของน้ำว่า ทำไมถึงไม่สอนโยคะให้กับเธอเหมือนนักเรียนคนอื่นๆ

      ครูบอกเคล็ดลับว่า ทำจิตให้ว่าง แล้วจะรู้ในทุกสิ่งที่เราต้องการ.. แต่ห้ามรู้สึกอยาก... เพราะความอยากจะทำให้จิตไม่นิ่ง...

      คนทั่วไปเวลาทำจิตให้นิ่งเข้าจะใช้วิธีนั่งสมาธิ แต่สำหรับตัวน้ำนั้นไม่ชอบนั่งสมาธิ เพราะจะทำให้เมื่อย ก็เลยเลือกที่จะนอนท่าศพแทน

      ลักษณะของการนอนท่าศพ คือ นอนหงายหน้า แขนขนาบข้าง มือทั้งสองหงายขึ้น ทำตัวให้สบายที่สุด ในจิตกำหนดขอพรบารมีจากพระพุทธเจ้าทุกๆ ครั้ง...โดยอธิษฐานว่า

      ขอให้สิ่งที่จิตของน้ำได้ไปสัมผัสนั้น...ขอให้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จริงทั้งสิ้น... ไม่มีอำนาจมารใดๆ มาปลอมแปลง หรือกลั่นแกล้ง ทำให้เกิดอุปทานการปรุงแต่ง...นิมิตที่ได้สัมผัส..ขอให้ปรากฏเด่นชัดทั้งภาพ และเสียงสิ่งใดที่ไม่จริงก็ขอให้หายไปมลายสิ้น ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็น

       เมื่อจิตดิ่งถึงสมาธิ น้ำก็เริ่มถอดจิตขึ้นไปบนสวรรค์ เพื่อเรียนรู้หลักวิชาโยคะ สถานที่ที่ขึ้นไปเรียนบนสวรรค์จะเป็นลานกว้าง มีศาลา มีน้ำตก เป็นทุ่งโล่งสำหรับสอนโยคะ ภาพที่ปรากฏ คือ ตัวเรากำลังแสดงท่าโยคะ ที่ดูแล้วมีลักษณะท่าที่ยากมากๆ เพราะเป็นท่าอันตราย

      แรกๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ หรือไม่? แต่เมื่อลองทำดู ก็สามารถทำได้!

      ในบางครั้งที่จิตใจเธอรู้สึกไม่สบาย ก็จะทำสมาธิขึ้นไป สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ก็จะบอกว่า ถ้าไม่สบายใจก็ยังไม่ต้องฝึก ให้ไปนั่งสมาธิแช่ในบ่อน้ำ จิตจะได้สบาย

      บ่อน้ำที่ลงไปแช่แตกต่างจากน้ำในโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง มีความเย็นชื่นใจมาก พอจิตเริ่มสบาย ก็จะทำการเรียนโยคะต่อ ทุกครั้งเมื่อได้เรียนโยคะจากเบื้องบน น้ำก็จะนำความรู้ทั้งหมดมาสอนให้กับน้องๆ

      การถอดจิต ไม่ใช่เพียงเพื่อการเรียนโยคะบนสวรรค์แต่เพียงอย่างเดียว...น้ำ ยังหาโอกาสไปเรียนรู้ธรรมจากความทุกข์เวทนาของพวกสัตว์นรก

      “ไปสวรรค์แล้วก็ต้องเคยไปนรกมาแล้วใช่ไหมครับ”

      น้ำพยักหน้า และเมื่อดาวกับพุท บอกว่า ได้พาผมไปถึงนรกขุมที่ 4 แล้ว น้ำจึงเริ่มเล่านรกขุมต่อไปให้ผมฟังต่อทันที นั่นคือ นรกขุมที่ 5 หรือเรียกชื่อว่า อาโยคุฬะนรก

      นรกขุมนี้จะมีก้อนเหล็กแดงลุกโชนเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ก้อนเหล็กจะกลมๆ คล้ายๆ ลูกกระสุนปืนใหญ่โบราณ พวกที่ชอบบอกบุญเรี่ยไรคน เพื่อสร้างโบสถ์..สร้างศาลา..  สร้างถนน..สร้างส้วม..สร้างกุฏิ..สร้างหอสวดมนต์  แต่พอได้เงินมาก็ยักยอกเอาเงินไปใช้เอง

      สิ่งที่สัตว์นรกจะได้รับ คือ การกินก้อนเหล็กแดง อันร้อนระอุ นรกขุมนี้จะมี วิธีการล่อให้สัตว์นรกอยากที่จะกินก้อนเหล็กแดงด้วยความเต็มใจ เพราะภาพของก้อนเหล็ก แดง จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นก้อนเนื้อนุ่มส่งกลิ่นหอม.. ทำให้เหล่าสัตว์นรกต่างรุมทึ้ง แย่งกันกินด้วยความหิวโหย...

      เมื่อเอาก้อนเหล็กแดงใส่ปาก ความร้อนในก้อนเหล็กจะระอุร้อน จนทำให้ท้องไส้ พุพอง บริเวณพื้นที่ที่วิ่งลงไป ก็จะมีไฟพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา พื้นข้างล่างก็เป็นแผ่นเหล็กแดงโชน ก้อนเหล็กที่กินเข้าไป ก็เป็นก้อนเหล็กที่เผาแดง โชน เมื่อกินเข้าไป ถึงปาก ปากพัง  ถึงคอ  คอพัง  ถึงอก  อกพัง  ถึงท้อง  ท้องพัง  ล้มลงถึงแก่ความตาย...แต่ความจริงยังไม่ตาย  มีความรู้สึกแต่กระดิกกระเดี้ยไม่ไหว   สักครู่ก็ปรากฏว่า มีการทรงกายตามเดิม เมื่อมีการทรงกายตามเดิม ก็ลุกขึ้นมีความหิวจัด เพราะกฎของกรรมบังคับ เกิดความหิวขึ้นมาอีก ถูกไฟเผาทั้ง 4  ทิศ

      ทำแบบนี้อยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะสิ้นกฎของกรรม  สัตว์นรกที่อยู่ในนรกขุมนี้ ส่วนใหญ่คือ นักบุญ ได้แก่ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร  สามเณรี  อุบาสก  อุบาสิกา และแถมชีและเถรด้วย

      “เห็นไหม? นรกไม่เคยแบ่งชั้นวรรณะ จะสูงต่ำ ดำ ขาว เป็นผู้สูงศักดิ์ หรือไพร่ธรรมดา ขุมนรกไม่เคยเกี่ยง ขอให้มีความชั่วติดตัวมา รับรองต้อนรับเต็มที่เลยคะ...”  น้ำจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบเลย...ผมรู้สึกขนลุกซู่เลยทีเดียว

       เวลาที่น้ำเห็นทุกข์เวทนาของสัตว์...นรก ก็ทำให้เกิดข้อคิด ข้อธรรมว่า ความจริงแล้ว คนที่ไม่รู้จักใช้ชีวิตให้เป็น ก็เปรียบเหมือนตกนรกทั้งเป็น... เราจึงต้องระวังจิต ระวังใจกับ แบบทดสอบที่เกิดขึ้นจากชีวิตประจำวัน แล้วแก้ปัญหาด้วยปัญญา ซึ่งปัญญาจะเกิดได้ ต้องมาจากการปฏิบัติธรรม

      เมื่อเผชิญปัญหาไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ ให้หยุด... แล้วตั้งสติ พิจารณาถึงเหตุ ที่มา ของปัญหา... ดูความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ แล้วทุกๆ ครั้ง เมื่อเราสามารถผ่านการ ทดสอบได้ ท่านจึงจะเฉลยในภายหลัง

       การเรียนธรรมไม่มีคำว่าสิ้นสุด... เรียนรู้ได้ทุกโอกาส...ทุกสถานที่...ทุกเวลา
ให้ระลึกเสมอว่า เราต้องสำรวจตัวเองตลอดเวลาว่า คิดพูด ทำ สิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว มีข้อคิด คือ ก่อนที่เราจะไปดูใคร ให้ดูตัวเองเสียก่อน ก่อนที่เราจะไปว่าใคร ให้ว่าตัวเองเสียก่อน... เพราะตราบใดถ้าตัวเรายังมีข้อเสียอยู่ ก็จงเร่งปรับปรุงตัวเอง...สรุปง่ายๆ คือ เอาเวลาที่ใช้ไปตำหนิคนอื่น ให้เอามาใช้ในการด่าตัวเองแทนว่า มีความเลวอะไรบ้าง

      เสียงโทรศัพท์มือถือของพุทดังขึ้น เหมือนจะเป็นการปิดท้ายบทสนทนาของผมและน้ำ
ไปในตัว

      เมื่อวางสาย พุท ก็หันมาให้เพื่อนทายว่า ใครเป็นคนโทรมา ดาวและน้ำ กำหนดจิตนิ่งสักพัก ก็เอ่ยชื่อหนึ่งออกมาพร้อมกัน “วิน”

      ส่วนตัวผมก็นั่งอึ้งกับ...อื้ม! ไม่รู้ว่า จะนิยามสิ่งที่ผมได้ยิน ได้เห็นในวันนี้ว่า อะไรดี!
      ดาวหันมาบอกว่า อีกสักครู่ผมจะได้คุย กับเด็กที่มีความสามารถพิเศษอีกคน...
      เด็กคนนี้มีตาทิพย์ เห็นวิญญาณได้!!

No comments:

Post a Comment