Sunday, February 26, 2012

18. บุญบังคับ



      ครูเพ็ญเริ่มเข้าสู่ทางธรรม จากการไปอบรมธรรมที่วัดชลประทานฯ เมื่ออายุราว 23 ปี การอบรมครั้งนั้นมี พลตรีจำลอง ศรีเมือง มาเป็นวิทยากรสอน

      “พอฟังพระเทศน์จบ ก็เกิดความรู้สึกที่ปิติมาก อยากจะฝึกปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น จึงเริ่มลองนั่งสมาธิที่บ้าน แต่ปรากฏว่า อดีตสามีชอบคอยแกล้งเรา กำลังนั่งสมาธิ มาโดนตัว หอมแก้ม ก็กลัวว่า เราจะไปในทางธรรม แล้วจะไม่ทำหน้าที่ภรรยา เขาต้องการให้เรามา ทางโลกมากกว่า ในที่สุดตอนนั้น ก็ต้องละทิ้งการปฏิบัติไป”

      เมื่อหวังว่าจะใช้ธรรมะเป็นที่ยึดเหนี่ยว และไม่สำเร็จ ชีวิตในช่วงนั้นจึงมีแต่ความทุกข์สารพัดเข้ามาสู่ชีวิต จนไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ จนกระทั่ง...

      “ต่อมาโรงเรียน จัดอบรมพาเด็กนักเรียนไปเข้าค่ายธรรม ที่วัดสังฆทาน ได้พบหลวงพ่อสนอง เป็นเจ้าอาวาส ท่านก็เมตตามาเทศน์ สอนให้นั่งสมาธิ เราก็ปฏิบัติตาม นั่งสมาธิอยู่ ครึ่งชั่วโมง พอโดนยุงกัดก็ไม่นิ่ง แต่จิตมีความศรัทธามาก เพราะเหมือนรู้ว่า นี่เป็นสิ่งที่ช่วยรักษารอยแผลของเราที่ชอกช้ำมานาน พอกลับมาบ้าน ก็เริ่มกลับมาปฏิบัติด้วยตัวเอง ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ไหน ฝึกแบบงูๆ ปลาๆ นั่งเท่าไรก็ไม่นิ่ง รู้สึกสับสนไปหมด”

      จนในที่สุด อดีตสามีต้องย้ายไปสอนหนังสือที่ ร.ร วัดมงกุฏกษัตรยาราม เพื่อนของสามีได้แนะนำว่า  ถ้ามีโอกาสควรไปกราบพระปฏิบัติรูปหนึ่ง ท่านจำวัดอยู่ ที่วัดมงกุฎฯ พร้อมบอกรายละเอียดจุดที่ตั้งของกุฏิให้เสร็จสรรพ แต่พอไปถึงกุฏิ ท่านก็ไปกิจนิมนต์ที่อื่น...

      แต่เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นกับอดีตสามี

      “เหมือนมีบางสิ่งดลใจให้อดีตสามีนึกอยากนั่งสมาธิ...เขาจึงได้ลองนั่งสมาธิที่หน้ากุฏิของพระปฏิบัติรูปนั้น ชั่วไม่กี่อึดใจก็พลันเกิดภาพนิมิตขึ้น ในดวงจิตของอดีตสามี เป็นภาพ พระยานาคพ่นน้ำเป็นสีเลือด ด้วยความตกใจ เขาจึงรีบเดินทางกลับบ้านทันที”

      ภายในคืนนั้นเอง..เขาตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ครูเพ็ญฟัง พร้อมทั้งชวน ไปกราบพระรูปนั้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกมากที่อยู่ดีๆ อดีตสามีกลับชวนไปพบพระปฏิบัติ แต่ในใจของครูนั้นดีใจเป็นอย่างมาก

      วันถัดมา ครอบครัวของครูก็ได้ไปกราบท่าน หลังจากที่ได้สนทนาธรรมกับท่าน ครูเพ็ญก็เกิดปิติ และความประทับใจในจริยาที่งดงาม มีเมตตาสูงของพระรูปนั้น

       ท่านเห็นลูกสาวคนเล็ก ก็รู้สึกถูกชะตา จึงได้ขอลูกสาวคนเล็กเป็นบุตรบุญธรรม ท่านอธิบายว่า เด็กคนนี้เคยเป็นลูกของท่านในอดีตชาติ ท่านเมตตาสอนสมาธิให้ลูกสาวคนเล็ก ด้วยความบริสุทธิ์ในจิตของเด็ก จึงทำให้สามารถเรียนรู้ และพัฒนาจิตได้รวดเร็ว ในที่สุดลูกสาวของครูเพ็ญ ก็สามารถท่องเที่ยวไปในนรก และสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นได้ไม่นานพระปฏิบัติก็ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่จังหวัด ชลบุรี แม้ท่านจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด แต่ลูกสาวก็ไม่ได้ละทิ้งการปฏิบัติธรรม
     
      กระทั่งวันหนึ่ง ในระหว่างทางที่ลูกสาวคนเล็กนั่งรถพ่อไปโรงเรียน ก็นั่งสมาธิก่อนทุกครั้งเป็นปกติ ก่อนจะถึงโรงเรียน ก็มักจะนิ่งถึงญาณ 4 ทำให้ไม่ได้ยินเสียงของพ่อและแม่ที่กำลังเรียกให้ตื่น กลับนั่งนิ่งค้างอยู่ในท่าพนมมือนานประมาณ 15 นาที

      เมื่อลูกสาวได้นำจิตกลับมาสู่ร่าง...ครูได้ถามลูกสาวว่า เกิดอะไรขึ้น ลูกสาวยิ้ม แล้วตอบว่า หนูไปคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาบอกว่า “เขาเป็นเจ้าชายสิทธิธัตถะ หน้าตาเป็นคนแขก เกล้าผมมวย นุ่งห่มผ้าเป็นสีเหลือง ค่อนข้างจะเก่า แม่รู้จักเขาไหมคะ”

      ตอนนั้นลูกสาวของครูยังไม่รู้เรื่องประวัติของพระพุทธเจ้าเลย เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลให้กับครูเป็นอย่างมาก พอถึงวันสุดสัปดาห์ ครูก็รีบพาลูกสาวไปพบพระปฏิบัติ ที่ จ. ชลบุรี

      เมื่อท่านทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็บอกว่าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากตัวเด็กมีบุญบารมีที่สะสมมาแต่อดีตชาติ เขาจึงสามารถขึ้นไปกราบองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ให้หมั่นฝึกต่อไป อย่าได้ละเลยการปฏิบัติธรรมโดยอันขาด

      ต่อมาตัวครูก็ต้องเจอกับประสบการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อมีเทพองค์หนึ่งมาอาศัยกายเนื้อ ของครูเพื่อต้องการติดต่อสื่อสารกับเทพอีกองค์ ซึ่งมาอาศัยกายเนื้อของมนุษย์อีกคนหนึ่ง คือ เอ เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งในโรงเรียน

      “เทพผู้ชายอยู่กับเด็กนักเรียน ที่ชื่อเอ ส่วนเทพผู้หญิงมาอยู่ที่ตัวครู จึงเป็นเหตุให้ครูต้องคอยดูแล เอ เป็นพิเศษ ซึ่งในบางครั้งพฤติกรรมที่เอ แสดงออกมา ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ เช่นอยู่ดีๆ ก็แสดงอารมณเกรี้ยวกราดออกมา โดยไม่มีเหตุผล ในช่วงนั้นสร้างความสับสนให้กับครูเป็นอย่างมาก”

       จนวันหนึ่งก็มีเด็กนักเรียนผู้หญิงชื่อ ตอง เดินมาหาครูเพ็ญ และบอกว่า “หนูรู้ว่า ครูกำลังเครียดเรื่องของเอ ที่ทราบก็เพราะเทพที่มาแฝงอยู่ที่ครู และเอ ให้มาบอกครูว่า เขามาดี ไม่ได้มาร้าย....เทพ 2 องค์ เขาเป็นคู่รักกัน แต่เขาไม่สามารถเจอกันได้ เพราะถูกลงโทษ เขาทั้ง 2 องค์ อยากสื่อกัน แต่ต้องอาศัยร่างมนุษย์เป็นตัวผ่านจึงดูว่า ผู้ใดปฏิบัติธรรม และมีกรรมผูก ต่อกันกับเขามา...”

      “ตอนนั้นตัวครูจะรู้สึกเจ็บหลังตลอดเวลา เขากดเราตลอดเวลา ให้ใครนวดก็ไม่หาย สามีก็รู้ ลูกก็รู้ ใครๆ ช่วยเราไม่ได้เลย ครูก็ต้องทน ทนอยู่หลายปี...ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะกลัวถูกว่าเพ้อเจ้อ”


No comments:

Post a Comment