Sunday, February 26, 2012

11. อธิษฐานปิดอิทธิฤทธิ์


      “เมื่อก่อน ผมมีฤทธิ์เดช เรียกลม เรียกฝนได้”
      ตอนช่วงเรียนอยู่ม.2 วินได้กลับไปชลบุรี เป็นช่วงวันหยุดเดือนเมษายน อากาศร้อน จัดมาก วินได้กำหนดจิตมองลูกแก้วในกาย แล้วกำหนดกายทิพย์ของตัวเอง ให้นั่งอยู่ในลูกแก้ว อีกที เมื่อจิตนิ่งได้ที่ ก็ตั้งจิตกำหนดให้ฝนตกหนักที่สุด เท่าที่จะหนักได้
      ไม่ถึง 10 นาที ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส..ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นสายฝน...เทกระหน่ำลงมา พร้อมกับแรงลมที่พัดกระหน่ำดังพายุ!
      พออธิษฐานให้ฝนหยุดตก..ฝนก็หยุดให้ดั่งใจ...
      วิธีเรียกลมก็แบบเดียวกัน...ถ้าแดดส่องร้อนมากๆ ก็กำหนดให้ลมพัดเมฆให้ไป บดบังแสงอาทิตย์
      แรกๆ ก็รู้จักตื่นเต้น..แต่พอทำบ่อยเข้าก็รู้สึกว่า เป็นหนทางแห่งความเสื่อม ที่ไปติดกับฤทธิ์กับเดช..และปัญญาทางธรรมไม่ได้เจริญขึ้นแม้แต่น้อย..ก็เลยอธิษฐานปิด ขอเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร...แต่เขาก็บอกว่า สามารถเรียกฤทธิ์ กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่คิดจะทำ...
      “มันเป็นสิ่งไร้สาระถ้าเป็นผู้เข้าถึงธรรมแล้ว ไม่ควรพึงกระทำ”

      ผมอดไม่ได้ที่จะต้องถามสิ่งที่คาใจ  “อะไรที่ทำให้วินเคยเป็นพญาครุฑมาก่อน ไม่ใช่แค่คิดไปเอง”
      วินยิ้มมุมปาก “ทุกครั้งที่ปฏิบัติธรรม  ผมจะมีความรู้สึกเหมือนมีคนคอยมองเรา ตลอดเวลา พอกำหนดจิตก็รู้ว่าเป็นใคร ผมเห็นบุคคลผู้นั้น”
       เป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ มีปีกมหึมา  ใหญ่กว่าคนประมาณ 3 เท่าระดับความสูง  ขาก็แข็งแกร่งมีเกล็ดเป็นนกสีทอง มีสร้อยสังวาลย์เพชรระยิบระยับ
       ส่วนหัวเป็นนก มีปากเป็นจงอย ค่อนข้างเหมือนในจิตรกรรมฝาผนัง  ความงดงามของท่านอ่อนช้อยมาก แต่ในรูปร่างมีความกำยำ  กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มือติดกับปีก  มือคือปีกสีขาว แต่มีเพชรระยิบระยับ  กายที่เห็นเนื้อออกสีทอง
      “ในจิตของเราบอกว่า บุคคลผู้นี้จะคอยให้คำปรึกษาเราได้”
      ด้วยความสงสัย วินจึงเล่าให้ครูเพ็ญฟัง ครูเพ็ญก็บอกว่า ลองดูดีๆ ว่านั่นคือใคร โดยดูด้วยวิธีใช้แผ่นน้ำ ขอบฟ้า พอทำหลายๆ ครั้ง จนชำนาญ จิตนิ่งเร็วขึ้น ก็เริ่ม กำหนดจิตนึกถึงตัวท่าน พอกำหนดจิตถึง ก็เสียงตอบกลับมาว่า
      “เราคือท่าน...แล้วท่านก็คือเรา แค่เราอยู่กันละภพ คนละที่ พอนานๆ ไปเราเหมือนคนๆ เดียวกัน  มีอะไรเราก็ปรึกษากัน”
      เมื่อออกจากสมาธิ วินก็เล่าให้ครูเพ็ญฟังในสิ่งที่สัมผัส ครูเพ็ญ พอได้ยินดังนั้นก็นิ่งเฉย  สักพักก็เสริมขึ้นว่า เวลามีปัญหาอะไร ให้ศึกษาเอง รู้จักการแก้ ทุกปัญหามีทางแก้  ค่อยๆ คิดก็แก้ได้เอง ปฏิบัติต่อไปนี่เป็นแค่สิ่งหนึ่งที่มาลอง
     
      “หลักการปฏิบัติจริงๆ ที่ผมได้เรียนรู้  คือคำว่า หยุด ปล่อยวางจากทุกสรรพสิ่ง หรือใช้คำพูดให้ง่ายๆ ก็คือ ทุกสิ่งในโลกล้วนว่างเปล่า”
      พุทที่นั่งนิ่งฟัง จู่ๆ ยิงคำถามใส่วินบ้าง “แล้วเวลาที่คุยกับพญาครุฑคุยเรื่องอะไรกัน”
      วินตอบ “ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องธรรมะ  ถามว่า ทำจิตอย่างไรให้รู้จักความว่างเปล่า  ท่านบอกว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้น ก็ต้องดับไป”
      “แล้วพญาครุฑมีชื่อเรียกหรือเปล่า” พุทช่วยผมซัก “ไม่อยากรู้ชื่อไม่ถามเพราะคิดว่า ไม่มีประโยชน์อะไร ต่างคนต่างเรียกตัวเองว่าท่าน” วินตอบทันทีแล้วยังย้ำอีกว่า
       “แต่รู้ถึงกำเนิดที่มา เมื่อคราวที่ท่านจุติบนสวรรค์ เทวดาทุกองค์ต่างยกมือไหว้ พระรัศมีเจิดจรัสดุจพระเพลิงเป็นลักษณะลำแสงสีเหลือง ที่แผ่กระจายจากตัวท่าน เหมือนเป็นเทพมาจุติ แต่อิทธิฤทธิ์เหนือเทพทุกองค์ หลังจากนั้นท่านหยิ่งทะนงในตนเอง  ท่านย้อนให้ดูว่า ท่านไปสู้กับพระอิศวรหรือนารายณ์  สู้เท่าไรก็ไม่ชนะ ท่านบอกกับพระนารายณ์ว่า เราจะสู้ไปทำไม ในเมื่ออิทธิฤทธิ์ เราก็ต้านทานกันได้
      พระนารายณ์บอกว่า งั้นขอให้ท่านมาเป็นพาหนะของเรา
      ท่านครุฑก็บอกว่า  เราขออยู่เหนือท่าน ไม่ว่าจะนั่งบัลลังก์ หรือทุกที่อยู่ที่ธง  หรือเหนือบัลลังก์ขึ้นไป เวลานั่งพระนารายณ์จะนั่งต่ำกว่าครุฑ
      ตอนท้ายท่านมาสำนึกตัวว่า  มีฤทธิ์ไปทำไม  มีฤทธิ์ไปเพื่อทำลายคนอื่นหรือ  แล้วก็หันมาปฏิบัติธรรมจนสำเร็จมรรคผล มีลูกหลานเป็นครุฑมากมาย
       ตอนนั้นภรรยาท่านก็เป็นครุฑเหมือนกัน มีนางอัปสรด้วย  ตัวท่านก็ไปเนรมิต เหมือนกับภูเขา แต่ปลายเขาอยู่ด้านล่าง คล้ายปิรามิดหัวกลับ แต่ลอยอยู่ในอากาศ  อยู่ข้างบนสวรรค์  สร้างเขาขึ้นมาเพื่อเป็นที่ประทับของท่าน  เป็นที่ของครุฑบางส่วน  บางส่วนอยู่ที่เขาไกรลาศข้างล่าง
      หน้าที่ของครุฑ คือ คอยดูแลมนุษย์และสัตว์ทั้งมวล ให้คุณบ้าง ให้โทษบ้าง  ถ้าคุณทำความดีท่านก็ต้องตอบแทน  เหมือนคำๆ หนึ่งของพระพุทธเจ้าที่สอนบอกว่า
      ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ช่วยอย่างไรที่ไม่ผิดกฎของกรรม ในยามคับขัน ให้มีความเชื่อมั่นในการทำความดี
      สิ่งมีชีวิตควรจะยึดหลัก 3 หลักไว้ให้มั่น หลักแรก คือ ความรัก  หลักที่สอง คือ มิตรภาพ  หลักที่สาม คือ ความเชื่อมั่นในการทำความดี
      ถ้าคนเราทุกคนมี 3 อย่างนี้  แน่นอนคือ ขึ้นสวรรค์  ทั้ง 3 อย่างนี้เหมือนขั้นสุดท้าย พอเรารู้เรื่องทุกอย่าง มีฤทธิ์ทุกอย่างก็จะเบื่อ”
      วินบอกว่า เมื่อเขาตั้งจิตอยากเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ก็เลยได้รับพร 3 ประการนี้ มาจากการทำสมาธิ และได้เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้งจากการปฎิบัติ..
      ความรัก คือ รักทุกสิ่ง  สิ่งที่ควรจะรักมากที่สุด คือ รักตัวเราเอง  ความรักกับความเมตตาไม่แตกต่างกัน  หากเรารักเขา ก็หมายถึง เรามีเมตตาแก่เขา  เราต้องรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รักในสรรพสัตว์ ไม่ควรแบ่งแยกเขาแยกเรา หรือเลือกปฏิบัติต่อใครต่างกัน
      และเมื่อเรารู้จักคำว่า รัก  เราก็จะรู้ว่า ควรจะรักอย่างไร โดยเฉพาะรักที่ทำให้เกิดความทุกข์
      มิตรภาพ เป็นสิ่งที่ยั่งยืนมากๆ  แต่สำคัญรองจากความรักระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
ระหว่างสัตว์ด้วยกัน มิตรภาพจะทำให้เกิดความสุข
      เชื่อมั่นในความดี  ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าความดีที่เรากระทำไว้ทั้งเจตนา และไม่เจตนา จะไม่มีวันสิ้นสูญ คุณความความดีที่ตัวเรากระทำไว้จะมาหนุนนำให้เราประสบแต่ความสุข ความเจริญ หรือในยามที่ประสบปัญหา ตัวเราก็จะแคล้วคลาดผ่อนหนักเป็นเบา...
      “แล้วเวลาที่ปฏิบัติธรรม เคยพบกับสิ่งที่น่ากลัวบ้างหรือเปล่า” ผมถาม
      วินพยักหน้า “เคยเห็นภาพผี เลยถามพญาครุฑว่า ผีคืออะไร ทำไมต้องมีภาพ หลอกหลอน ทำไมพวกนี้ช่างน่าสงสาร ทำไมไม่ช่วยเขาล่ะ
      ท่านก็ให้ผมช่วยผีพวกนั้น ด้วยการแผ่จิตใช้วิชาขอบฟ้า  แผ่นน้ำ  แผ่นดิน  เหมือนเราแผ่จิตออกไป อุทิศส่วนกุศลไปให้
      ผีทุกตนที่ได้รับส่วนกุศล ก็จะกลายเป็นเทพบ้างหรือว่าใส่ชุดขาวสวยสง่า มีเพชรรอบกาย ณ บัดดล ทุกดวงจิตต่างพากันขอบคุณโดยการยกมือไหว้ ช่วงนั้นทำอยู่ประมาณ 3 คืน โดยใช้วิธีเรียกผีมาครั้งละ 10,000  ตน
      วิธีเรียกคือ กำหนดจิตอธิฐานให้มารวมกัน แล้วแผ่ทีเดียว 10,000  ตน  รอพระจันทร์เต็มดวง เหมือนเป็นวันนัดหมาย เป็นนิมิตที่ดีด้วย พอมาวันที่ 3 ผมบอกว่า วันสุดท้าย วันนั้นมาร่วมเกือบแสนตน
      แต่ละครั้งจะมีผีที่กลายเป็นเทพ อย่างที่มาเป็นประจำมีอยู่ 9 ตน เป็นผีระดับสูง มีฤทธิ์มีเดช ตอนนี้กลายเป็นเทวดาเป็นองค์ไปแล้ว ผมก็บอกกับท่านว่า ให้มาช่วยสอนต่อจากผมเถอะ แล้วก็ถ่ายทอดวิชาการทำจิตให้ว่าง และการช่วยเหลือผีตนอื่นให้ทั้ง 9 องค์
      ตอนนี้ทั้ง 9 ตนทำต่อไป ก็คิดว่า หมดหน้าที่เราแล้ว
      ผมบอกตัวเองเสมอว่า  ให้ใช้ชีวิตอยู่บนความเป็นจริง  ดูร่างกายเราตอนนี้ ตัวเราไม่มีมีปีก เหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น  แค่รู้ว่า วันนี้มีสติ  วันนี้เราควรจะทำอย่างไร ทำอย่างไรให้ฤทธิ์เดชไม่มี  ทำอย่างไรจะได้อยู่เฉยๆ ก็อธิษฐานจิตเป็นได้จริง  เราไม่มีแล้วนะ เหมือนเราเก็บไว้อีกที่หนึ่ง  แต่ก็สามารถหยิบ เอามาใช้เมื่อไรก็ได้”
      “ก่อนอธิษฐานปิด ได้ฝึกกสินไฟ  กสินน้ำ  การเพ่งเป็นส่วนหนึ่ง  เราต้องดึงพลังจากแสง จากที่มาเป็นไฟ  ดึงเข้าร่างกาย  เข้าสู่ฐานที่ 7 พยายามสั่งว่า  เราจะทำอย่างไรให้ใช้ไฟได้  ใช้รักษาคนอื่นได้  ท่านครุฑทำให้ดู ผ่านร่าง ผมรักษานิ้วชี้ตัวเองที่เป็นแผลไม่หายสักทีเป็นตุ่มๆ ขึ้นเยอะและคันมาก
      ผมใช้ฝ่ามือทาบไว้  ส่งพลังมาจากฐาน 7 แล้วก็รักษาประมาณ 1 วัน  หายสนิทเลย  ตอนส่งพลังจะรู้สึกร้อนๆ นิดหนึ่ง  เป็นครั้งเดียวที่ใช้กสิน หลังจากนั้นไม่ใช้อีกเลย  มันเหมือนมีอำนาจเกินคนปกติ”

      วินตัดสินใจไม่ใช้พลังพิเศษอีกต่อไป ก็เพราะเห็นว่า ทุกสิ่งมีกรรม ใครทำอย่างไรก็ได้ อย่างนั้น ถ้าเราไปฆ่าเขาวันนั้น วันหนึ่งเขาก็ฆ่าเราคืน  จึงควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตาม วิบากของแต่ละคน
       “พี่อยากให้วินย้ำเรื่องการเดินจิต หน่อยครับ” วินตอบรับ
       “การเดินจิต  คือแผ่นน้ำ ขอบฟ้า แผ่นดิน เดินธรรมกาย คือ การเดินจุดตามร่างกาย  แต่อุปสรรคอีกทางหนึ่ง คือ เรื่องทางโลก  ผู้หญิง แฟน ทุกอย่างเป็นอุปสรรคหมด ในการปฏิบัติพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่รักน่ะ บางครั้งทะเลาะกันบ้าง  ทะเลาะก็เป็นอุปสรรคแล้ว
      เราต้องรู้เท่าทันในกฎข้อที่ 3 ความเชื่อมั่นในการปฏิบัติ  ความเชื่อมั่นในการทำความดี  ก็ช่วยอีกทางหนึ่ง เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมฝังใจมาก เนื่องจากถูกทดสอบทางธรรม ช่วงนั้นเรามีความทุกข์ทะเลาะกับแม่...แฟนก็ทิ้ง ทุกอย่างทำไมถึงไม่มีคนเข้าใจเราเลย  ก็มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาเลยว่า
      คุณรักตัวคุณมากแค่ไหน?
      คุณมีมิตรภาพกับตัวคุณมากแค่ไหน?
      แล้วคุณมีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหรือยัง?
      มีคำๆ หนึ่งที่พญาครุฑท่านสอนผมว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ความรู้ของท่าน เป็นเพียงแค่ใบไม้ใบหนึ่งในกำมือ ยังมีใบไม้อีกมากมายในป่า  ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจงเร่งศึกษา หาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอด จงอย่าประมาทเป็นอันขาด

      เมื่อการสนทนาของผมและวินจบลง สิ่งที่ผมประทับใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องฤทธิ์ เรื่องเดชของเด็กคนนี้ แต่กลับเป็นธรรมะที่อาบล้นอยู่เต็มหัวใจของเด็กตัวเล็กๆ ที่สามารถเอาชนะอวิชชาของตนเองได้อย่างงดงาม ไม่ยึดติดกับอภิญญาที่ได้ และพยายามที่จะหาเส้นทางหลุดพ้นจากทุกข์ ตามแก่นแท้คำสอนของพระพุทธองค์

      และ...เช่นเดิม ดาวเป็นสื่อกลางที่นำผมไปพบกับเด็กสาวอีกคน...
      นกเป็นกินรีกลับชาติมาเกิด!

No comments:

Post a Comment