Sunday, February 26, 2012

24. ค้นหาตัวรู้ในตัวเรา


      “ตัวรู้ในจิตบอกว่า คนที่เล็กสอนการปฏิบัติทางจิตนั้น คือครูเพ็ญ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะ  การพูดการจา ภาวะจิตเหล่านี้  น่าจะใช่  กลายเป็นว่า ใช่จริงๆ  แล้วอยู่ดีๆ ครูเพ็ญก็มาถามเล็กว่า เธอใช่ไหมที่มาสอนฉันทางจิต ในตอนนั้นเล็กไม่ได้พูดอะไร...ได้แต่บอกว่า ถ้าครูอยากรู้ก็ดูให้ดีๆซิคะ

      ...นั่นเป็นวิธีกระตุ้นให้ครูเพ็ญ ขยันที่จะทำต่อไป ไม่ใช่ว่า มีอะไรมาถาม แล้วเราบอกๆ เขาจะได้อะไร ได้แค่ในสิ่งที่เราบอก เขาก็ต้องทำไขว่คว้าหาความรู้ให้ได้ได้คำตอบมาแค่คำเดียว 
 
    คำตอบคำเดียว  กว่าจะหาคำตอบได้เป็นร้อยวิธี  ร้อยวิธีประโยชน์เยอะ นั่นคือ สิ่งที่เล็กจะให้ ไม่ใช่เราไม่รู้ แต่เราอยากให้เป็นอย่างนี้ มีแรงฝึก มีแรงจูงใจ เราใช้การปรุงแต่งให้มีประโยชน์
      พอมาปี 1 สอน สอน สอน  คือ สอนอย่างเดียวทั้ง 2 ทาง (ทางจิต และ ทางกาย) จนในที่สุดสำเร็จด้วยดี  ปัจจุบันไม่ต้องรีบมาก  เป้าหมาย คือ คนนี้(ครูเพ็ญ)  คุณจะต้องสอนเขาให้ได้ภายในระยะเวลาเท่านี้ 1 เดือน  ต้องได้ ถ้าไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดเล็กก็โดน ถามว่า เล็กรู้สึกอย่างไรถ้าจะถูกโดนทำโทษเล็กภูมิใจ”

      “แล้วอะไรเป็นเหตุให้คนแต่ละคนเข้าถึงธรรมช้าเร็วต่างกัน” ผมจี้ในประเด็นที่สงสัย

      “ปัญหาที่ทำให้จิตแต่ละดวงพัฒนาไปได้เร็วช้าต่างกันเพราะ 1.สมาธิไม่เที่ยง  2.  สภาพสังคม สภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน การวัดผลต้องดูจากหลายเหตุปัจจัย แต่ถ้าข้างบนจริงๆ เขาตัดที่ 80 -90 แต่อีกหน่อย ก็เริ่มเคี่ยว เก่งแล้วก็ต้องเคี่ยว ใครจะมาตัดที่ 5 ตลอด  แล้วเมื่อไรจะเก่งมันต้องขยับ 30  เขาสูงแล้ว  ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพัฒนาระดับสภาวะจิต ถ้ามาตั้งเท่ากัน คนหนึ่งไม่เก่งเลย อีกคนเก่ง ทำให้ตายมันก็อยู่แค่นั้น แทนที่จะได้พัฒนามันก็อยู่แค่นั้นไม่ไปไหน อย่างครูเพ็ญตั้งไว้ที่ 30 จาก 100  ไม่ใช่เกิน 30 จะต้องเกินเยอะกว่า 30  ถึงจะผ่าน  แบบทดสอบจะมาจากชีวิตประจำวัน 

      การออกแบบทดสอบ มันต้องทำมาเป็นทีม ถ้าไม่มาเป็นทีม  เราไม่สามารถทำได้  ดวงจิตดวงหนึ่งที่ไม่ได้มารับการเรียนการสอนจากทางเรา  เราจะวางแผนล่วงหน้า  จะมีกลุ่มนี้ (เด็กห้อง 138  )ที่เล็กกำหนดระยะเวลา  เพราะกลุ่มอื่นเขามีพื้นฐานมาเยอะกว่า  เขาจะไม่ไปวัดนั่นคือข้อดีของเขา  ทำไมเล็กถึงพูดว่าดี เพราะการไปวัด เป็นการไขว่คว้าหาความรู้จากข้างนอก 

      แต่การได้อยู่กับตัวเองพิจารณา เรื่อง กาย วาจา ใจ ของตัวเอง นั่นคือ การไขว่คว้าหาความรู้จากข้างในตัวเอง ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ ทำให้เล็กสามารถสอนเขาง่ายขึ้น วิธีการสอนจะลัดขึ้น  อย่างมีเด็กคนหนึ่งมา  เล็กก็ดูว่า เขาเหมาะกับวิธีไหน  เอาทีละวิธีป้อนไป  อันไหนเขาไปเร็วก็ใช้อันนั้น ใช้เสร็จแล้วก็เช็ค  นั่งสมาธิได้แค่ไหน ได้เท่านี้ๆ เรามีวิธีลัดให้เขาไหม  หาวิธีลัดให้เขาแต่ละคนไม่เหมือนกัน  บางกลุ่มบอกตรงๆ  เล็กให้ทำเป็นหัวข้อๆ ไป  เขาสามารถแตกออกได้เป็น 100  แต่อีกกลุ่มให้หัวข้อไปแตกไม่ได้  แต่ละคนจึงให้ไม่เหมือนกัน แต่เราต้องจำได้ว่า เราให้อะไรเขาไปบ้าง มันไม่มีโจทย์บันทึก 

      ในการเลือกสอนธรรมแต่ละครั้ง จะดูตามวาระบุคคลที่ถูกจัดสรรมา  สำหรับตัวเล็กเองเรียนอวิชชามาแล้วทุกอย่าง  เรียนวิชาดีๆ ก็มาเยอะ  แต่ไม่สามารถสอนทุกวิชาให้กับคนทุกคนได้ เพราะไม่เหมาะสมที่เราจะไปสอนเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเรา  สอนได้แต่เราทำเกินหน้าที่  มันก็จะผิดกฎว่า  คนนี้ควรสอน  คนนี้ไม่ควรสอน  การจะเราสอนใคร  เราเอาวิชาอะไรไปสอน  เราก็ต้องขอครูบาอาจารย์  ครูบาอาจารย์าก็จะเช็คอีกว่า สมควรสอนหรือไม่ ท่านจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้ตลอดเวลา”

      “แล้วใช้วิธีคัดเลือกศิษย์ยังไงครับ” ผมถาม

      “ผู้ที่จะมาเรียนปฏิบัติธรรมทางจิตกับเล็ก เล็กจะใช้วิธีตรวจสอบทางจิตเป็นจำนวนหลายครั้งว่า บุคคลที่มาเรียนด้วยนั้นถูกจัดสรรมาแบบไหน

      1.แบบที่เบื้องบนจัดสรรมา  
      2. แบบเป็นกรรมของเขาต้องมาเรียนกับเรา  ข้างบนจัดสรรมาให้แล้ว มาเจอกันช่วงกรรมหนัก คือ เขาแทนที่จะได้บุญกลับไปทำบาป  เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เดี่ยวพอกรรมคลายก็จะเริ่มเข้าใจไปเอง ประเภทนี้ต้องใช้อิทธิบาทสี่ อันได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

       คนที่มาเรียนสมาธิกับเล็ก ทางเบื้องบนท่านจัดสรรมาให้  เนื่องด้วยความเป็นญาติ  เป็นพี่เป็นน้อง หรือเป็นญาติข้างบนไม่เสมอไปว่า ต้องเกี่ยวข้องโดยตรง  ทุกวันนี้ระลึกอยู่เสมอว่า หน้าที่หลักของเล็ก ก็คือ จะต้องทำให้คนพัฒนาจิตไปเรื่อยๆ  บางคนแค่พื้นฐาน  บางคนก็สำเร็จบรรลุเลยขึ้นอยู่กับบุญบารมีของเขา  ตอนนี้ช่วยปลดทุกข์  เจ็บป่วยไข้  จะต้องทำตรงนี้ประมาณ 3 – 4 ปี

       ส่วนในเรื่องเป้าหมายที่เล็กวางไว้นั้น คือ การสร้างดวงจิต  แต่ไม่ได้สร้างตลอดไป  เมื่อถึงเวลามันจะมีเวลาให้เราพักผ่อน  แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้  ถ้าในระหว่างพัก เบื้องบนจะส่งผู้อื่นมาแทนที่ (ดวงจิตของเล็กขึ้นไปอยู่ข้างบน เทพองค์อื่นลงมาในกายเนื้อของเล็กแทน) ซึ่งวิธีการปฏิบัติของเล็ก จะไม่หวังนิพพาน  เพราะถ้าไม่หวัง..จิตเราจะพัฒนาได้ไว  ถ้าหวังจะจมอยู่ตรงนั้น  ก็เพราะจิตมันไปยึด จิตมันอยากไปนิพพาน ความอยากมัน คือ กิเลส ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในจิต 

      วิธีปฏิบัติส่วนตัว จะเคร่งครัดในศีล 5 และ เข้าฌาณโดยการเดินลมเล่นๆ  เน้นสมาธิ 20 ชั่วโมงจบ  เป็นการทำสมาธิให้ได้ ตลอด 24 ชม  คือ นิ่งๆ ใครด่าก็เฉย  สามารถเล่นได้  ยิ้มได้  ขณะเราเล่น เรายิ้ม เราอยู่ด้วยความนิ่งอยู่ด้วยสมาธิ ฝึกเพียงแค่นี้  ดวงจิตของเราก็จะเกิดพลังแห่งปัญญา สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ยึดมั่นในศีล มั่นปฏิบัติเพื่อเข้าสมาธิ อันเกิดผลแห่งปัญญา”

      เล็กยิ้มที่มุมปากให้ผม และพูดว่า “พี่ก็ต้องรีบปฎิบัติ และก็อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่ได้ยินจากพวกหนู ทุกอย่างถามว่าเห็นจริง ก็ตอบว่า เห็นจริง เพียงว่า สิ่งที่เรียกว่า จริง ความจริงแล้ว ก็คือ ความว่างเปล่า นักปฎิบัติต้องหลุดพ้นจากมายาแห่งจิต และไม่ต้องคำนึงว่า จะเลือกปฎิบัติสายไหนดี จะทำสมถะกรรมฐาน หรือวิปัสสนากรรมฐาน หนูบอกได้ว่า ทุกสายดีหมด ขอให้เริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่หนู หรือว่าเพื่อนๆ ของหนู แต่มันอยู่ในตัวพี่ เฝ้าดูตัวเอง แล้วตัวรู้จะปรากฏขึ้นเองค่ะ”
      
      ผมโน้มตัวกราบขอบพระคุณคุณครูเพ็ญ และน้องๆ ห้อง 138 ทุกคน ที่ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์อันทรงคุณค่ายิ่ง..ประสบการณ์ของทุกๆ ท่านได้เป็นตอกย้ำให้ผมได้รู้ว่า หากคนเรายังหลงมัวเมาอยู่ในกิเลส ตัณหา ราคะ ที่มารุมเร้าจนหลงลืมที่จะรักตนเอง เมื่อเราตายไป (แน่นอนที่สุด) หากบุญกุศลของเราไม่มากพอก็คงจะต้องลงไปใช้ชีวิตในนรกขุมใดขุมหนึ่งเป็นอย่างแน่นอน ครูเพ็ญกล่าวทิ้งท้ายกับผมว่า
      “เพียงทุกคนมีสติรู้ว่าตนเองกำลังใจหายใจเข้า-ออก อยู่ในทุกขณะจิต..รับรองว่าไม่มีวันตกนรกเลย”


...ลาก่อนห้อง 138
เรื่องราวของพวกคุณทุกคนจะถูกจารึกไว้ในจิตใจของผมตลอดไป
ตราบชั่วกัลปวสาน....

“ชร”


No comments:

Post a Comment