Sunday, February 26, 2012

22.วิชาสุริยมหากันตรเทพ


      ครูเพ็ญ ได้ใช้ห้อง 138 ในการสอนโยคะตั้งแต่ปี 2547 โดยทางโรงเรียนได้ริเริ่มให้มีการจัดการเรียนการสอนวิชาโยคะขึ้น จึงได้ประชุมถามความสมัครใจว่า มีคุณครูท่านใดที่ยินดีจะสอนวิชานี้

      ครูเพ็ญจึงได้เสนอตัว นอกจากเหตุผลว่า ตนเองเคยเป็นนักกีฬามาก่อนแล้ว เหตุผลหลักที่ครูบอกกับผมก็คือ

      “ในเรื่องของโยคะ เหมือนเป็นกระแสรับสั่งจากข้างบน เราจึงยอมรับปาก”

      ต่อจากนั้น ทางโรงเรียนได้ส่งครูเพ็ญ เข้าฝึกอบรมหลักสูตรโยคะ แต่เนื่องจากได้อบรมเพียงแค่ 1 คอร์สเท่านั้น ครูจึงอยากที่จะหาความรู้เพิ่มเติม ด้วยเหตุบังเอิญ มีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ได้รู้จักกับครูสอนโยคะท่านหนึ่ง ชื่อครู นัท  เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสูงทางด้านโยคะที่เก่งมาก และเป็นผู้สนใจใฝ่ในธรรมเหมือนกัน อีกทั้งยังเมตตาสอนโยคะให้ครูเพ็ญโดยไม่คิดค่าเล่าเรียนแต่อย่างใด

      แต่สิ่งที่ไม่คิดไม่ฝันกว่านั้น ก็คือ ครูนัท กับ ครูเพ็ญ มีความสัมพันธ์กันแต่ชาติปางก่อน!

       “ท่านบอกว่า ท่านเป็นแม่ของเรา  เราเป็นลูกของพระพรหมไม่รู้ตัวเหรอ  เราเป็นคนถวายของทุกวันพระที่ศาลพระพรหมโรงเรียนมาตั้ง 3 ปีแล้วไม่ใช่เหรอ

      เรางงว่า ท่านรู้ได้อย่างไร  เลยถามว่าท่านเป็นใคร เราคือพระนางสุรัสสวดี  เป็นพระมเหสีของพระพรหม เรามาใช้ร่างกายนี้เพื่อปฏิบัติ นอกจากเราแล้วก็ยังมี พระนางลักษมี  มาอยู่ในร่างนี้ด้วย

      ตอนนั้นยอมรับว่าอึ้ง และสับสน  ท่านพูดกับเราอย่างเมตตามากเลย  ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรให้มาเรียนรู้ จะสอนให้ฟรี  เจ้าเป็นลูกของแม่

      หลังจากนั้นเราก็เข้าสมาธิไปกราบท่าน ไปหาดูว่าจริงไหมที่ผู้หญิงคนนี้พูดมา  แล้วก็พบพระพรหม  จึงขึ้นไปหนุนตักท่านไปกอดท่าน  ดีใจได้พบพ่อ

      พ่อก็ลูบหัว ส่วนองค์ที่นั่งประทับข้างท่าน ก็คือ พระนางสุรัสสวดี ท่านย้ำให้ครูรับรู้อีกครั้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนโยคะนั้นเป็นความจริง จากนั้นท่านก็ประทานดอกบัว ให้ 1 ดอก แล้วบอกว่า ต่อไปนี้เจ้าจงเรียนรู้โยคะกับครูคนนั้นระยะหนึ่ง  แล้วแม่จะสอนเจ้าทางสมาธิ  เพราะเจ้าเดินทางลำบาก ค่าใช้จ่ายสูง  ตั้งแต่นั้นก็เข้าสมาธิ  ท่านมาสอนทางสมาธิ แล้วเราก็เล่นโยคะได้อลังการไม่เหมือนโยคะในตำรา

      บางท่าเหมือนในตำรา บางท่าอลังการมากกว่า  การสอนโยคะทางสมาธิ ครูหลับตาแล้วก็รับท่าทาง แล้วมาจด  ตอนหลังๆ ไม่ต้องจดแล้ว เป็นอัตโนมัติเลย  ลุกขึ้นทำเปิดเพลงทำ  รวมทั้งเดินจงกรม  พระโพธิสัตว์ก็จะมาบังคับให้เดินจงกรมแบบของท่าน  ซึ่งไม่มีในโลกมนุษย์

      จากนั้นก็มีโอกาสได้ไปอบรมการปฏิบัติธรรม ที่ยุวพุทธิกสมาคม  เป็นการฝึกสมาธิ โดยใช้วิธีสับมือตามหลักของหลวงพ่อเทียน ซึ่งตามวิธีดังกล่าว ท่าทางที่ออกมาจะดูแข็งมาก

      หลังที่พิจารณาแล้ว ตัวรู้ก็เกิดขึ้นมา ครูก็ลองนำท่าต่างๆ มาบูรณาการ จนเป็นท่าสับมือที่เบาเหมือนขนนก คิดท่าจับมือโดยวิชาเอาวิชาคณิตฯ มาผสมเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนของเส้นตรงมุมฉาก วงกลม”

      วันหนึ่ง, ท่านจิต ซึ่งเป็นพระปฏิบัติที่นักเรียนห้อง 138 ให้ความเคารพสูง บอกว่า ที่ห้อง 138 มีครูบาอาจารย์ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก ควรทำพิธีไหว้ครูด้วบาวศรี หลังทำพิธีเสร็จ
ก็เกิดปาฎิหาริย์ขึ้น!

      “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ทรงเมตตาประทานความรู้มายังห้อง 138  เทพที่มาโปรดมีพระนามว่า องค์สุริยะมหากันตรเทพ ท่านเป็นเทพระดับสูง สิ่งที่ท่านประทานให้ คือ วิชาการปฏิบัติ ฝึกสมาธิ โดยใช้รูปวงกลม รูปห้าเหลี่ยม รูปห้าเหลี่ยมในวงกลม เป็นรูปดาวในวงกลม นำรูปทรงดังกล่าวทั้งหมดมาเรียงซ้อนกันอยู่ในวงเดียวกัน โดยฝึกสมาธิเดินจงกลมอยู่ในนั้น สุริยมหากันตรเทพ เป็นชื่อของท่านเป็นเจ้าของวิชานี้ อนุญาตให้ครูเพ็ญเป็นผู้เผยแพร่เพียงผู้เดียว ใครห้ามเอาไปเผยแพร่  เพราะถ้าเผยแพร่ไปผิดๆ ก็จะเกิดโทษอย่างหนักทั้งแก่ผู้เรียน และผู้สอน เหตุที่ท่านอนุญาตให้ครูสอน เพราะว่าท่านเป็นพ่อของเรา  เราเป็นลูกท่านเราจึงมีสิทธิ์ ท่านเป็นเจ้าของจักรวาลอยู่ที่จักรวาลหนึ่ง  ท่านลงมาสื่อกับเรา แต่เรามองไม่เห็นองค์ท่าน เพราะรัศมีกายองค์ท่านจะสว่างไปทั่ว

      ในแต่ละรูปทรง จะมีพลังที่ถูกถ่ายทอดมายังที่เส้นแต่ละเส้นนั้นตลอดเวลา  เหมือนเส้นนั้นจำลองจักรวาลทั้งจักรวาลให้มาอยู่ตรงนั้น  และเส้นนั้นบางครั้งก็มาอยู่ตรงปากกะทะทองแดง เวลาครูเอากายทิพย์ไปเดินตามเส้นนั้น ไฟตรงนั้นก็จะดับไป พอยกเท้าออกไฟตรงนั้นก็จะลุกทรมานสัตว์นรกต่อ เห็นแล้วน่าเวทนามาก

      ปัจจุบันมีเด็กที่มีจิตพิเศษมารวมกัน เพื่อฝึกวิชานี้ประมาณ 30- 50 คน นอกจากการฝึกโยคะแล้ว หัวใจของการปฏิบัติให้จิตเกิดสมาธิ ก็ใช้หลักวิชาสุริยมหากันตรเทพ  เป็นการเล่นจิต  จิตเป็นผู้เล่น ร่างกายเป็นผู้กำหนดนิ่งๆ ไม่ต้องหลับตา  กำหนดเข้าไป กำหนดสติ  ความรู้สึกเข้าไป  แต่ตอนแรกเรากำหนดหน้าก่อน  เช่น เรานั่งลืมตา  กำหนดรูปภาพขึ้นมาเป็นรูปวงกลม รูปห้าเหลี่ยม รูปดาวแนบในวงกลม รูปนี้กำหนดขึ้นมา รูปนี้จับลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก  เช่น เราเปิดเพลงเบาๆ เย็นๆ เพราะเป็นเพลงด้านสมาธิ หายใจเข้ากำหนดจุดเข้าทางด้านซ้ายมือ หายใจออกวาดวงกลม อาจจะครึ่งวงกลมก่อน หายใจออกยาวๆ ถ้าออกยาวเต็มที่ได้วงกลม ถ้าไม่ได้ก็ดูว่า หยุดที่จุดไหน

      กำหนดหายใจเข้าไปที่สตินั้น  แล้วก็หายใจออกวาดเป็นวงกลม หายใจเข้า – หายใจออก หายใจเข้าที่จุดนั้น แล้วลากเส้นขึ้นมาเป็นรูปห้าเหลี่ยมทีละเส้น ตามลมหายใจเข้า - ตามลมหายใจออก หายใจออกวาดเป็นรูปดาวขึ้นมา ตามที่จิตมันจะวาดออกมาเป็นเส้นได้ พอออกมาเป็นรูปภาพเต็มที่แล้ว เราจับรูปนั้นมาให้เรานั่ง มันจะบางไปเอง เส้นจะเปลี่ยนสี  แล้วแต่เด็กบางคนเล่นสีเล่นกสิณไปเลย หนูชอบสีแดงเล่นสีแดงแว้บๆ เป็นเพชร เขาจะเล่นได้เอง เด็กจะจินตนาการได้เก่งมาก อย่าไปดูถูกเขานะ เขานิ่งเร็วมาก

      หลังจากนั้นเราจะก๊อปปี้ เหมือนการก๊อปปี้ในวิชาคอมฯ  ก๊อปปี้ แล้ววางไปด้านหน้า  หน้าปัดนาฬิกาเอาเข็มเลข 12 ,3 ,6 ,9  เป็น 4  แล้ว ก๊อปปี้ 4 วง มาแนบกับวงกลมแรกที่เรานั่งอยู่  เส้นรอบวงจะชนกัน  ก๊อปปี้เป็น 4 ภาพ  รูปเดิมยังอยู่  แต่รูปใหม่จะกลายเป็น 2 บาน เป็น 8 สวยมาก  ภาพนี้จะสวยมาก สวยมากอาจารย์เส้นระยิบระยับ  แล้วเราก็ก๊อปปี้  8  ขยายออกไปวางให้ได้  10 ชั้น  เป็น 80 รอบวง  กลางเป็น 81  81  เป็นสูตรของข้างบน  สูตรของจักรวาล  หลังจากนั้นจาก 81 วง  ให้เด็กเขียนส่งอาจารย์เด็กจะบรรยาย  ความรู้มันจะอยุ่ในนั้นหมดเลย  แต่นั่นคือแค่ส่วนเริ่มต้นของกรรมฐาน  นิดๆหน่อยๆ  เราจะก๊อปปี้  ทั้ง 81 ดวง  ไปวางข้างหน้าเราอีก 4 ชุด  ก๊อปปี้  ทั้ง 81 ชุดนั้นสับหว่าง  เป็นอีก 8 ชุด  เป็นชุดที่ 1 และอีก 8 ชุด  อีก 10 ชุด

      เด็กบอกโอ้โหครูสว่างจัง แต่เธอยังรู้ลมเธอหายใจเข้า – ออกนะ ร่างกายตับไตไส้พุง  มันรู้เรื่องจักรวาลจิตว่าจากความนึกคิด  กำหนดไปนั้นจิตจะไม่คิดอะไรไหม  ไม่คิดพอไม่คิดก็ฝึกสมาธิ  ฝึกสมาธิไปในตัว  นี่คือ เทคนิคแค่หนึ่งที่อาจารย์มีอยู่  แล้วเทคนิคสับมือ เขารู้เด็กจิตเบาไม่เบา ดูการสับมือ ถ้าไปแข็งๆ เราก็ต้องแก้ จนกว่าจะสับแล้วเบา นั่นคือ เริ่มอิงกับสมาธิแล้วเด็กจะมีความสุข

       ถ้าเด็กสับมือ...แล้วมีแอ็กชั่น..แสดงว่าคุณไม่นิ่ง  คุณมีตัวอวด  ติดเก่ง  ติดดี  ติดสุข ที่จริงต้องไม่เช่นนั้น  เบาทุกอย่าง  ไม่คิดอะไร  เบาว่างสบาย  ไม่ติดดี  ติดเก่ง  สมาธิเป็นอย่างไร  ดูการสับมือ  เห็นชัด  บางคนนิสัยดูไม่ชัด  พอมาสับมือ  มันไม่รู้แล้ว  มันง่วง  ฝึกเท่าไรก็ไม่ได้  สอบตกแล้วตกอีกนี่คือเทคนิคในการนำตรงนี้มาสอนหนังสือ  สอนโยคะด้วย  เท่าที่ครูดูแล้วการสอนโยคะเขาไม่มีการทำสับมือ  ครูคิดขึ้นมาเอง  คิดรูปแบบเป็นท่าอินเดียท่าประทานพร  เป็นสารพัดท่า  สเก็ตภาพออกมา  การฝึกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม แต่วัตถุประสงค์หลักก็คือการทำให้จิตของเราว่าง  ความว่างเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมหาศาล แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้จักใช้ให้เป็น”

      “เด็กที่มีจิตพิเศษทุกคน ต้องปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ นั่นก็คือ การสอนคนเข้าใจในหลักธรรมพื้นฐานเบื้องต้น แล้วเมื่อพัฒนาเข้าสู่ระดับสูงแล้ว ครูเพ็ญจะเป็นผู้ฝึกต่อ จนในที่สุดครูเพ็ญก็จะส่งให้ไปปฏิบัติกับพระอริยเจ้าผู้หลุดพ้นจากวัฎฎสงสาร..นั่นคือหน้าที่ของพวกเรา!!” โตพูดขณะที่มองหน้าผมด้วยสายตาแน่วนิ่ง

      เด็กนักเรียนทุกคนในห้อง 138 ต่างพร้อมใจกันพนมมือก้มกราบครูเพ็ญ โต ตัวแทนนักเรียนเริ่มกล่าว “พวกเราขอกราบขอบพระคุณครูเพ็ญเป็นอย่างสูงที่ให้ความเมตตาพวกเรา มาตลอด แม้บางครั้งพวกเราจะดื้อ และไม่ยอมเชื่อฟังในคำสอนของครู แต่ครูก็ไม่เคยทอดทิ้ง เพราะทุกๆครั้งที่พวกเราต้องเจอกับวิบากกรรม ครูเพ็ญก็จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ และคำชี้แนะต่างๆ จนพวกเราสามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้ทุกครั้ง”

       ครูเพ็ญ ยิ้มรับ “พวกเธอทุกคนเป็นเหมือนลูกของครู ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะยอมปล่อยให้ลูกต้องลำบาก ไม่ว่าลูกจะดื้อ หรือ เลวขนาดไหนก็ตาม” เด็กนักเรียนทุกคนในห้อง 138 ต่างพร้อมใจกันพนมมือก้มกราบครูเพ็ญอีกครั้ง

วิธีการฝึกปฎิบัติวิชา สุริยะมหากัณตรเทพ


      นั่งท่าขัดสมาธิ ปล่อยตัวให้สบายที่สุด กำหนดจิตให้นึกภาพเป็นรูปทรงเรขาคณิต โดยเริ่มจากภาพวงกลม โดยกำหนดให้ภาพปรากฏอยู่เบื้องหน้า และมีความชัดเจนให้มากที่สุด จากนั้นกำหนดภาพรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู(5 เหลี่ยม) เมื่อปรากฏชัดเจนแล้วจึงนำมาซ้อนทับภาพวงกลมอีกที จากนั้นกำหนดภาพรูปทรงดาว 5 แฉก เมื่อปรากฏชัดเจนแล้วจึงนำมาซ้อนทับภาพวงกลม และรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู (5 เหลี่ยม) อีกที

      เมื่อภาพแต่ละภาพถูกทับซ้อนจนปรากฏชัดเจน ผู้ปฎิบัติก็เริ่มเปลี่ยนอิริยาบถในการทสมาธิ โดยการใช้มือวาดภาพรูปทรงเรขาคณิตด้วยมือของตัวเอง กำหนดหายใจเข้าไปที่สตินั้น แล้วก็หายใจออกวาดเป็นวงกลม หายใจเข้า – หายใจออก  หายใจเข้าที่จุดนั้น แล้วลากเส้นขึ้นมาเป็นรูปห้าเหลี่ยมทีละเส้น  ตามลมหายใจเข้า  -  ตามลมหายใจออก    หายใจออกวาดเป็นรูปดาวขึ้นมา เมื่อวาดทั้ง 3 ภาพ มาซ้อนกันจนครบ ก็ให้กำหนดจิตนำภาพที่ซ้อนกันมาสอดใต้บริเวณที่ตัวผู้ปฎิบัตินั่ง(เหมือนภาพที่ซ้อนเป็นเบาะรองนั่ง)

กำหนดภาพเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมขึ้นมาอีก 4 ภาพ แต่ละภาพวางตามจุดของ หน้าปัด
นาฬิกา เริ่มจากเลข 12  มาเลข3 จากนั้นเลข6 และเลข9 จากนั้นกำหนดภาพเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมขึ้นมาอีก 4 ภาพ แต่ละภาพวางตามจุดของ ระหว่างเลข 12  และเลข3 จากนั้นวางอีกภาพระหว่างเลข3 และเลข6 จากนั้นวางภาพระหว่างเลข6 และเลข9 สุดท้ายวางภาพระหว่างเลข9 และเลข12  ซึ่งตอนนี้เราจะมีภาพทั้งสิ้น 8 ภาพ หรือ 8 วงด้วยกัน นำทั้ง 8 ภาพ ค่อยๆ ขยายวงขึ้นไปอีก 10 รอบ ( 8 ภาพ / รอบ) รวมทั้งสิ้นเป็น 80 รอบวง ( 80 ภาพ)  ตรงกลางบริเวณที่เรานั่งนับรวมเป็น 81  เลข 81  เป็นสูตรของข้างบน สูตรของจักรวาล  กำหนดจิตพิจารณาอยู่เช่นนี้จิตก็จะจดจ่อ ไม่ฟุ้ซ่านไปเรื่องอื่นๆ พอกำหนดจิตนึกถึงเรื่องอะไร ตัวรู้ก็จะผุดขึ้น อย่างแจ่มชัด เช่นนี้จึงเรียกว่า รู้เฉพาะตน

No comments:

Post a Comment