Sunday, February 26, 2012

20.เทพแก้วกัลยา รักษาพระอริยเจ้า


       เหตุการณ์ประหลาด ก็คือ จู่ๆ ครูเพ็ญ ก็ยกนิ้วขึ้นมา เหมือนกับกำลังบีบอะไรบางอย่าง ไปที่จมูกหลวงพ่อ

      “นั่นครูเพ็ญจะทำอะไร”

       “ตัวเรา ก็เปลี่ยนเสียงเป็นเด็กออกมาทันที  บอกว่า  หนูไม่ใช่ครูเพ็ญ หนูเป็นลูกของครู เพ็ญ เป็นเทพประจำตัวของครู ชื่อแก้วกัลยา หนูต้องการจะรักษาหลวงพ่อโดยใช้ ลูกแก้วประจำตัว เพื่อดูดพิษให้หลวงพ่อ เพราะว่าเจ้ากรรมนายเวรดูดออกไปไม่หมด  จะใช้ลูกแก้วพิเศษไปคลึงที่บริเวณอักเสบ เพราะหลวงพ่อบาดเจ็บมากเลย  เป็นแผลน้ำเลือด น้ำหนองเต็มจมูก”

      แล้วเทพประจำตัว ก็ขออนุญาตหลวงพ่อ และก้มลงกราบหลวงพ่อ ด้วยกริยาที่เรียบร้อย

      เมื่อรักษาเสร็จ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า รู้สึกโล่งขึ้น ด้วยความสงสัยหลวงพ่อ จึงถามที่มาของแก้วกัลยา และได้รู้ว่า เธอมาจากสวรรค์ ได้รับคำสั่งให้ลงมาช่วยมวลมนุษย์ โดยมาดูว่า ผู้ใดจะเป็นร่างที่สามารถสื่อกันได้ และได้มาพบกับครูเพ็ญ ซึ่งเคยเป็นแม่ในอดีตและตอนนี้ก็ยังเป็นนักปฏิบัติธรรมที่ตั้งใจอย่างมากอีกด้วย

      หลวงพ่อถามแก้วกัลยาว่า มาอยู่ด้วยนานเท่าไรแล้ว
      (เป็นสิ่งที่น่าแปลกว่า ขณะที่หลวงพ่อพูดคุยกับแก้วกัลยาอยู่นั้น ตัวครูเพ็ญ ยังมีสติสัมปชัญญะรับรู้ทุกสิ่งได้ทุกประการ เพียงแต่ฝืนตัวเองไม่ได้)

      แก้วกัลยาตอบกลับด้วยน้ำเสียงฉะฉาน แต่เปี่ยมไปด้วยความเคารพ และอ่อนโยน  “หนูมาอยู่กับแม่ได้ 3 ปีแล้ว ช่วงแรกแม่เขาจะงง เจ้าคะ  อยู่ๆ ก็มีเสียงเด็กพูดอยู่ในตัว ก่อน ในท้องก่อน  แม่เค้าก็ไปมองที่กระจก  แล้วสังเกตที่ปากตัวเอง ทำไมปากถึงขยับออกมาเป็นเสียงเด็ก แม่เค้าก็งงตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น

      ตอนแรกหนูยังไม่เข้าใจถึงสภาพความเป็นอยู่ของโลกมนุษย์ จะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่พักใหญ่ หนูมาจากดินแดนที่พิเศษมีแต่ต้นไม้  ต้นไม้ทิพย์  น้ำตก  อยู่ในดอกบัว เป็นเทพระดับค่อนข้างสูงในแดนพิเศษ แก้วกัลยาเริ่มระบายความในใจ พออยู่บนสวรรค์หนูไปที่ไหน เทวดาจ้องที่จะมาชอบหนู”

      หลวงพ่อท่านเลยเมตตาแนะวิธีทางแก้ไข “เราก็เปลี่ยนร่างเป็นผู้ชายซิ” เป็นเรื่องแปลกมาก!

      จากเดิมที่แก้วกัลยาเป็นเด็กผู้หญิง แต่พอกำหนดจิตอธิษฐาน แก้วกัลยาก็เปลี่ยนดวงจิต เป็นผู้ชายทันที เปล่งเสียงเป็นชาย กราบนมัสการหลวงพ่อทันที

      “กระผม ชื่อ อนุรุทธ ครับ”

      หลวงพ่อให้แก้วกัลยากลายจิตเป็นหญิงสาว แก้วกัลยาปฏิบัติตาม

      หลวงพ่อกล่าวเสริม “เห็นไหมพอเป็นรูปเป็นหญิงสาว เหล่าเทวดาผู้ชายก็ต่างพากันมารุมล้อมตัวเราอีก  เห็นไหมว่า รูปมีอิทธิพลขนาดไหน สามารถที่จะกระตุ้นทำให้จิตเกิดความอยากได้สารพัด ถ้าไม่รู้จักควบคุม หรือยับยั้งชั่งใจให้ดี รูปที่เราสัมผัสก็จะนำ ทุกข์โทษมาให้”

      แก้วกัลยาสงสัย “แล้วควรทำเช่นไรเจ้าคะ”

      “ก็กำหนดจิตให้ตัวเราเป็นแบบไม่มีเพศ หลังกำหนดจิตเสร็จ เทวดาทั้งหญิง และชาย ก็ต่างไม่ให้ความสนใจในตัวแก้วกัลยาเลย” หลวงพ่อท่านสอนแนะ “เมื่อกิเลสในจิตไม่ได้รับ การกระตุ้น หรือตอบสนอง กิเลสมันก็จะคลายตัวสงบ ไปในที่สุด”

      แก้วกัลยาเกิดปัญญาตามขึ้นทันที จากนั้นแก้วกัลยาก็กราบลาหลวงพ่อเพื่อขึ้นไปบนสวรรค์
      หลังจากที่แก้วกัลยาถอยจิตออกไป หลวงพ่อท่านก็บอกครูเพ็ญว่า ในตัวครูยังมีองค์เทพ มาอยู่ด้วยอีก 2 องค์ ให้ครูเชิญองค์เทพมาพบกับท่าน  ครูกำหนดจิตเชิญองค์เทพตามที่หลวงพ่อบอกทันที ขณะกำหนดจิตเชิญองค์ท่าน ก็พลันมีกลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้ง กระจายไปทั่ว ดวงจิตขององค์เทพเริ่มแฝงแทรกเข้ามา อยู่ในร่างของครู แล้วกล่าวว่า

       “ข้าชื่อ ท่านหญิงรัตนาวดี เป็นนางพญาของขอม  เป็นลูกของหลวงพ่อในอดีตชาติ... ในยุคนั้นท่าน คือ พระเจ้าชัยวรมันที่  7 เป็นเสด็จพ่อของหม่อมฉันเอง หม่อมฉันพาผู้หญิง คนนี้มาหาเสด็จพ่อ เพื่อให้เรียนรู้วิชาของเสด็จพ่อ เพื่อจะได้นำมาเผยแพร่”

      “แล้วลูกหญิงทำแบบท้องฟ้าได้ไหม” หลวงพ่อถาม

      “ข้าเจ้าทำได้แล้ว  ข้าเจ้าพร้อมที่จะออกจากร่างนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้มาพบ เสด็จพ่อ(หลวงพ่อ) เรียบร้อยแล้ว ข้าเจ้าพร้อมที่จะออกในวันนี้ แต่ว่าข้าเจ้าจะดูอีกระยะหนึ่ง”  พูดจบ ท่านหญิงรัตนาวดี  ก็กราบนมัสการลาหลวงพ่อ

      ต่อมาครูเพ็ญก็กำหนดจิตเชิญเทพอีกองค์ออกมา จู่ๆ ก็มีลำแสง พวยพุ่งลงมาที่ตัวครูเพ็ญ กริยาของครูเริ่มเปลี่ยนในทันที  น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะค่อย และเบามากๆ ภาษาที่ใช้ก็ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์ ฟังไม่เข้าใจ ทุกคนหันมากราบร่างของครู

      หลวงพ่อก็ยิ้ม  องค์เทพก็ยิ้ม

      หลวงพ่อเอ่ยต้อนรับ “ยินดีที่พระโพธิสัตว์กวนอิม เสด็จมาโปรดเหล่าสรรพสัตว์”  ลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ต่างก็โน้มศรีษะไปให้เจ้าแม่กวนอิมเจิมที่หน้าผาก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทุกคน

      ตอนนั้นในใจของครูค้านมากว่า ทำไมทุกคนต้องมากราบตัวครูด้วย แต่เมื่อไม่สามารถฝืนได้ ก็พยายามทำจิตให้สงบที่สุด โดยกำหนดจิตทำท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา  ขณะนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเข้ามากราบหลวงพ่อ แล้วถามปัญหาอุปสรรคที่เธอนั้น ติดขัดอยู่..

      แต่หลวงพ่อบอกว่า “ไม่ต้องถามอาตมา ถามผู้หญิงคนนี้”

      พอผู้หญิงคนนั้นหันมาที่ครู เจ้าแม่กวนอิม ท่านก็พูดเรื่องเขาได้ถูกต้องจนหมดว่า มีปัญหาอะไรบ้าง จะต้องใช้วิธีแก้อย่างไร

      ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็ประหลาดใจเป็นที่สุดว่า ทุกคำพูดนั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น จึงก้มลงกราบไหว้แล้วไหว้อีก เพราะซาบซึ้งในพระเมตตาขององค์เจ้าแม่กวนอิม

      วันนั้นครูเพ็ญใช้เวลาอยู่ในวัดแห่งนั้นทั้งสิ้น 7 ชม. แล้วจึงได้ลาหลวงพ่อกลับ ก่อนกลับลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของครูไว้

      หลังจากนั้น หลวงพ่อก็โทรมาสอนครูทางโทรศัพท์ทุกวัน  ไม่ได้หยุดเลย  วันละไม่รู้กี่ครั้ง

      “ท่านเมตตามาก  ให้เราดูเรื่องนั้นเรื่องนี้  เพราะท่านช่วยสงเคราะห์คนมาก  คนปล่อยของเข้ามาหาท่านๆ เจ็บทุกวัน  อาพาธทุกวัน แก้กันทุกวัน มีบ้างที่ท่านบ่นให้ฟังว่าเบื่อหน่ายคนเหลือเกิน  ทั้งคนและไม่ใช่คน  เล่นอาคม คุณไสยสารพัด ไม่ได้นึกถึงเลยว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือจะเป็นการสร้างเวรกรรมขนาดไหน”

      “หลวงพ่อท่านมักจะย้ำให้ครูฟังอยู่เสมอว่า ปฏิบัติให้ดี ต่อไปจะได้ช่วยพระพุทธ ศาสนา  เป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อท่านพูด เริ่มมีเด็กนักเรียนกรูเข้ามาหาเรา  มาให้สอนสมาธิ  เหมือนเป็นเด็กที่เขาจัดสรรมาให้”

      แต่การสอนธรรมะของครูเพ็ญก็มีอันต้องหยุดลงชั่วคราว เมื่อ..

       “เราสอน  เด็กก็ค่อนข้างทำได้ดีทีเดียว  แต่ก็มีเหตุว่า เด็กบางคนมีปัญหา  ถูกผีเข้ามาตั้งแต่เด็ก  บางคนมีอะไรมาก็ไม่รู้มาแผลงฤทธิ์ในโรงเรียน  คนก็เริ่มมองว่า เราไปสอนเด็กผิด  สอนให้เด็กเห็นผี  เห็นนรก  เห็นสวรรค์  เริ่มนินทากันไปทั่ว

      จนในที่สุด  ครูที่เขาไม่ชอบเราก็พยายามจะให้เราหลุดออกจากความเป็นครู  จึงไปร้องเรียนผู้อำนวยการ ร้องเรียนผู้ช่วยว่า เราบ้าๆบอๆ ไปหลอกเด็กให้มานั่งสมาธิ หลอก
ลวงเด็กให้ทำบุญ ควรพิจารณาไล่ออก”

      ตอนนั้นผู้อำนวยการไม่อยู่  ผู้ช่วยรักษาการแทน ก็เรียกครูเพ็ญเข้าไปพบในห้อง แล้วก็พูดว่า  “ผมขอร้องนะครูเพ็ญ หยุดสอนสมาธิเถอะ มิฉะนั้นตัวครูจะมีปัญหานะ”

       “เราอธิษฐานจิตถึงหลวงพ่อ ขอให้โทรมาด่วน  ด้วยแรงอธิษฐาน หลวงพ่อท่านรับทราบด้วยญาณ จึงได้โทรกลับมา แล้วบอกกับครูว่า ให้หยุดเผยแพร่ธรรมชั่วคราว ไว้วาระกรรมมาถึงค่อยดำเนินการเผยแพร่ต่อ ขอให้ครูทำใจให้สบาย เพราะการเผยแพร่ธรรมย่อมมีอุปสรรคเป็นของธรรมดา”

      หลังจากที่ครูเลิกสอนการทำสมาธิได้สักพัก ทางโรงเรียนก็เกิดปัญหาวุ่นวาย กลุ่มนักเรียนจำนวนมาก รวมตัวกันสร้างความโกลาหลขึ้นภายในโรงเรียน หลังจากสืบต้นตอของปัญหาก็พบว่า ประธานของนักเรียนเป็นผู้คอยปั่นหัวให้เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ต่อต้านกฎต่างๆของโรงเรียน หลังจากสอบประวัติของเด็กนักเรียนคนนั้น จึงพบว่า เป็นเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัว

      คณะครูได้ประชุม และลงมติเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้ครูเพ็ญ เป็นผู้อบรม และขัดเกลานิสัยของเด็กคนนี้ ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคมให้ได้ ซึ่งที่ประชุมอนุญาตให้ครูเพ็ญใช้วิธีการสอนใดๆ ก็ได้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว

      ผอ.กล่าวเสริมว่า เหตุที่เลือกครูเพ็ญ เพราะเล็งเห็นว่า ครูเพ็ญ เป็นผู้ที่อ่อนหวาน  นุ่มนวล เข้าใจเด็ก และที่สำคัญที่สุด คือ เป็นผู้ที่มีธรรมะสูง

      แม้ใจจริงครูเพ็ญอยากจะปฏิเสธ แต่โดยหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เราจึงจะต้องน้อมรับ และปฏิบัติให้ดีที่สุด

       และเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ทำให้ครูนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อที่ว่า

      “เมื่อวาระกรรมมาถึง เราก็จะได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแพร่ธรรมอีกครั้ง” 

      ตั้งแต่วันนั้นมา เด็กคนนั้นก็มาหาครูทุกวัน และค่อยๆ ดีขึ้นๆ สนิทสนมกลมเกลียว จนเด็กขอเรียกครูว่า อาจารย์แม่

      เมื่อครูเห็นว่า เด็กมีจิตใจที่จะเรียนรู้ธรรมในเชิงลึก จึงเริ่มสอนให้ทำสมาธิ โดยใช้หลักแผ่นน้ำ ขอบฟ้า หลังจากที่ฝึกได้สักพัก เด็กก็ยอมรับว่าตนเองมีสมาธิดีขึ้น การเรียนพัฒนาขึ้นอย่างเห็นผล

      แล้ววันหนึ่งครูก็บอกเด็กนักเรียนว่า ถ้าอยากจะรู้ว่า เมื่อเราทำบาปแล้วจะได้รับผล อะไรบ้าง เด็กคนนั้นพยักหน้ารับ งั้นครูจะพาเธอไปเที่ยวนรก จากนั้นก็อาราธนาพระคุณบารมี ขององค์พระรัตนตรัย ให้คุ้มครองการเดินทางของพวกเราทั้งสองให้ปลอดภัยทั้งขาไป และขากลับ

       ไม่กี่อึดใจท่านยมฑูต ก็มาปรากฏร่างที่ปากทาง แล้วกล่าวว่า “เด็กคนนี้ใจบาป หยาบช้า ด่าพ่อ ด่าแม่ หากไม่รีบกลับตัวโดยการขอขมาบุพการี และรีบทดแทนบุญคุณท่าน ก็จะต้องได้รับโทษในอเวจีอย่างแน่นอน”

      ด้วยความกลัวเด็กจึงรีบถอนสมาธิกลับมา พร้อมทั้งสารภาพกับครูว่า ที่ท่านยมทูตกล่าวมานั้นเป็นจริงทุกประการ!

       หลังจากนั้น เด็กนักเรียนคนนั้นก็กลายเป็นเด็กที่น่ารัก และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก นักเรียนคนอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม

      และเหตุการณ์นี้ทางโรงเรียนจึงอนุญาตให้ครูสอนสมาธิได้ตามเหมือนเดิมอีกครั้ง

      “หากเด็กคนไหนตั้งใจฝึกจนเก่งมากๆ เขาก็จะสามารถกำหนดเห็นเจ้ากรรมนายเวร  และแลกเปลี่ยนสลับเปลี่ยนปลดหนี้ปลดกรรมกันด้วยตัวของเขาเอง”

      ในที่สุดวาระที่องค์เทพที่เป็นหญิง และชาย ที่มาอาศัยกายเนื้อของครูเพ็ญ  ก็ถึงกำหนดที่กลับไปปฏิบัติภารกิจเบื้องบน โดยก่อนที่เทพทั้งสองจะไป ท่านก็มา ลาครูเพ็ญ โดยผ่านร่างของเด็กนักเรียนคนหนึ่งในห้อง 138

      ท่านกล่าวว่า “หากสิ่งใดที่ท่านทำให้ครูเกิดความทุกข์จากการกระทำของท่านทั้งสอง ไม่ว่าจะโดยเจตนา หรือไม่ ท่านทั้งสอง ขอกล่าวขอขมา มา ณ ที่นี้ และขอบพระคุณท่าน หญิง(ครูเพ็ญ) เป็นอย่างสูงที่ให้ใช้กายเนื้อนี้กำหนดทุกข์ ถ้าไม่มีกายเนื้อนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่า ความทุกข์เป็นเช่นไร  ข้าพเจ้าก็จะไม่ได้มรรคผลถึงระดับนี้  และข้าพเจ้าขอขอบ พระคุณหลวงพ่อ (ผู้แนะวิชาแผ่นน้ำ ขอบฟ้า) ที่ชี้แนะหนทาง ในการหลุดพ้น ข้าพเจ้าก็กราบลาท่านหญิงไป

       เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะลงมาช่วยท่านหญิง  เพราะท่านหญิงเป็นผู้มีพระคุณ เป็นอย่างสูง”
        “แล้วองค์เทพทั้งสอง ก็กำหนดจิตขึ้นท้องฟ้า  ขอบฟ้า  แผ่นน้ำแผ่นดิน  ดูกาย  ดูลมในกาย  ลมนอกกาย  ลมเต็มโลก  ดูกิเลสที่อยู่ในจิต  ซึ่งท่านนิ่งมาก  แล้วไม่มีอะไรเลย  ชุดท่านก็เปลี่ยนเครื่องทรงไปเรื่อยในที่สุดสว่างวาบวับบหลุดพลิ้วขึ้นไปเลย  แม้ความรู้สึกเหล่านั้นเราเห็นหมดเลย  นั่นคือผู้ได้สำเร็จมรรคผลระดับพระอนาคามี  ท่านยังไม่ขึ้นพระนิพพาน  ที่จริงท่านทำขึ้นได้ แต่ท่านรอไว้ก่อน รอที่จะช่วยเราอยู่ที่ พรหมชั้นสุทธาวาส หลังจากนั้นก็ไม่พบทั้ง 2 ท่านอีกเลย”

No comments:

Post a Comment